Neighbors and friends

“ธรรมชาติคือ “เพื่อนบ้าน” ที่แท้จริงนะ”

“ เราเกิดมากับสิ่งนี้ จริงๆมันก็คือของจริงที่อยู่ตรงนี้แหละ

เพียงแต่เรามีสังคมที่ทำให้เราต่างหนีมันไปไกล

และบางคนก็ไกลจนแทบไม่ได้ใกล้ชิดมันเลย”

คำพูดนี้สะกิดใจเรามากพร้อมกับภาพในหัว

ที่มองไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองในออฟฟิศและแทบหาเวลาหรือ

พื้นที่สีเขียวให้ตัวเองไม่เจอเลย

แต่ผู้ชายคนนี้ “คุณโอ๋ ธรรมศักดิ์ ลือภูวพิทักษ์กุล”

นักร้องนำวง P2WARSHIP

ศิลปินที่หลายคนร้องเพลงฮิตติดหูของเขาได้

แต่วันนี้เขาได้ผันตัวจากศิลปินผู้ร้องเพลง

มาใช้ชีวิตเป็นศิลปินผู้สร้างสังคมแห่งการแบ่งปันธรรมชาติ

ด้วยการดีไซน์พื้นที่บ้านของตัวเองย่านลาดพร้าว

ให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง เพื่อเอาไว้เติมแรงบันดาลใจ

กับผู้คนทั่วไป

โดยโซนด้านหน้าบ้านจะเป็นพื้นที่พักอาศัย ส่วนโซนหลังบ้านดีไซน์ให้เป็นสวนธรรมชาติ

แบ่งเป็น โซนปลูกไม้ยืนต้น พืชผักสวนครัว สวนกล้วย โซนเลี้ยงเป็ดและไก่

ในสถานที่ที่เขาเรียกว่า “Hip Incy Farm”

ในขณะที่ธรรมชาติเหมือนจะดูเรียบง่าย แต่กิจวัตรประจำวัน ของคุณโอ๋ไม่เหมือนกันเลยสักวัน ในช่วงปีแรกต้องทำสวน

แปลงดิน ปรุงดินอยู่นาน เพราะพื้นที่เดิมเป็นดินทราย ทำให้ปลูกผักได้ลำบาก แต่ในปีต่อๆ มาทุกอย่างเริ่มลงตัว

กิจวัตรของคุณโอ๋ คือตื่นมาเก็บผัก ทำกับข้าวให้อาหารเป็ด ไก่ และเก็บไข่มากิน แปรรูปผลิตผลเป็นกับข้าว

หรืออาหารอินทรีย์บ้างตามกำลังที่ทำได้

แต่กว่าจะมีชีวิตใกล้ธรรมชาติแบบนี้ เขาก็พาตัวเองหนีออกจากธรรมชาติไปไกลอยู่เหมือนกัน

ซึ่งจุดเปลี่ยนที่หันกลับมามองตัวเอง คือ “การใช้ชีวิตยากมันไม่ตอบโจทย์”

คุณโอ๋บอกว่า เป้าหมายของเขาคือความสุข เมื่อก่อนเขาใช้เงินเพื่อล่าความสุข

แต่ในวันนี้เป้าหมายของเขาเหมือนเดิม แค่วิธีล่ามันต่างกัน

เพราะตอนนี้เครื่องมือล่าความสุขก็คือ “ตัวเอง”

 

“ตัวเราเองคือเครื่องมือที่สำคัญของการมีความสุขกับธรรมชาติ การรู้จักตัวเองเป็นเรื่องสำคัญมาก 

ก่อนหน้านี้เคยคิดว่า ความพอเพียง คือ ความสมถะ 

แต่เราคิดผิด เพราะมันคือการรู้จักตัวเองและสร้างความสุขแบบที่พอดีต่างหาก”

 

และในวันนี้เครื่องมือที่คุณโอ๋ใช้ล่าความสุขมันเกิดผลแล้ว เพราะมันทำให้เราเห็นความเรียบง่ายที่มีความสุขในการใช้ชีวิตของเขาจริงๆ 

และยังเห็นการแบ่งปันความสุขเหล่านี้ไปยังเพื่อนบ้าน พืชผักที่ปลูกไว้ได้นอกจากเก็บไว้กินเองแล้ว 

ส่วนที่เหลือยังให้คนทั่วไปเข้ามาเก็บไปกินเองได้ และหยอดเงินตามกำลัง 

ไม่มีก็ไม่เป็นไร รวมถึงยังสร้างคอมมูนิตี้ตลาดเกษตรอินทรีย์ทุกวันอาทิตย์ 

เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนผลิตผล สร้างเครือข่ายให้กว้างขึ้น 

ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้แบ่งแยกธรรมชาติของใคร แต่เคารพกันตามบริบทแวดล้อมที่ควรจะเป็น 

มันจึงกลายเป็นชีวิตพอดีที่อิ่มเอมและเป็นความสุขระยะยาว

-เราอาจะไม่ได้เป็นผู้สร้างธรรมชาติ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเรียนรู้ธรรมชาติไปพร้อมกับการรู้จักตัวเอง 

ความสุขแบบธรรมชาติก็จะเกิดขึ้นเอง และแน่นอนว่าธรรมชาติของทุกคนไม่เหมือนกัน 

มันอาจไม่ใช่ต้นไม้ใบหญ้า แต่มันคืออะไรก็ได้ที่พอดีกับคุณ