Neighbors and friends

“อย่าอยู่อย่างอยาก” … 4 คำที่ไม่ใช่แค่ชื่อเพลง แต่คือแนวคิดของชีวิตจริง

บ้านย่านลาดพร้าวที่วันนี้เราได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสธรรมชาติกลางเมือง 

นอกจากได้ปลดปล่อยตัวเองจากความวุ่นวายแล้ว 

เรายังได้แนวคิดของชีวิตที่สุขในใจกลับมาด้วย 

จากคุณโอ๋ ธรรมศักดิ์ ผู้เป็นเจ้าของ “Hip Incy Farm” ฟาร์มอินทรีย์แบบพอเพียง

ที่เริ่มต้น เรียนรู้ และใช้ชีวิตไปกับพื้นที่ตรงนี้จริงๆ
.
จุดเริ่มต้น “Hip Incy Farm” ฟาร์มเกษตรอินทรีย์แบบฮิปๆของที่นี่ ใครจะไปรู้ว่ามันมาจาก “ความสุขในวิกฤต”

… อ่านไม่ผิดแน่ๆ เพราะมันเริ่มจากตรงนั้นจริงๆ

คุณโอ๋ ชายผู้ใส่เสื้อยืดและกางเกงเลหลวมๆ นี่คือชุดประจำวันของเขา 

ที่ทำให้เราเห็นถึงความไม่ยึดติดและความสบายใจในการเป็นตัวเอง 

พี่โอ๋เริ่มเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นการมาทำฟาร์มอินทรีย์นี้ว่า

เหตุผลมาจากการทำงานที่หนักจนเกินไป 

ตอนนั้นมีทั้งงานอินทีเรีย งานถ่ายรูป และงานเพลงที่ทำกับวง P2WARSHIP 

และแม้งานหนักจะแลกมาด้วยเงิน แต่มันก็คร่าเอาสุขภาพลงไปเรื่อยๆ 

เริ่มเป็นออฟฟิศซินโดรม เริ่มเป็นไมเกรน จนคิดว่าควร “พอ”

“เราอยากกลับมาทำอะไรอยู่บ้าน เลยคิดว่าอยากสร้างสนามฟุตบอล 

เพราะเรามีพื้นที่หลังบ้านพอดี แต่จริงๆไม่เล่นบอล ไม่ชอบดูบอล 

แค่อยากทำอะไรซักอย่าง แต่ทำมาได้ซักพักเราเจอจุดเปลี่ยน

เมื่อปี 2554 ปีที่น้ำท่วมหนัก”

“เราเริ่มจากแนวคิดเศษฐกิจพอเพียง แบบไม่เข้าใจอะไรมาก แต่ทำทุกอย่างให้เหมือนกับ Design Analysis 

เริ่มค้นคว้าวิธีจัดพื้นที่งูๆปลาๆ คิดเองบ้าง ดูยูทูปบ้าง 

เราคิดว่าผักสวนครัวควรเอาไว้ใกล้บ้าน ไม้ยืนต้นปลูกโดยรอบ เลี้ยงเป็ดไก่ไว้นอกสุด เก็บไข่ได้ และมูลส่งต่อมาทำปุ๋ย 

แต่ที่เน้นคือเราให้ธรรมชาติเรียนรู้ตัวเอง เราเป็นแค่ตัวกลางให้ธรรมชาติมาเจอกัน”

“และเมื่อเราสร้างอาหารเองได้ “การแบ่งปัน” 

ก็เริ่มขึ้น ที่ “Hip Incy Farm” มีการปลูกผัก เลี้ยงเป็ดไก่และเก็บไข่ไก่ 

มีโปรเจ็กต์พิเศษคือ “วันปันอยู่ปันกิน” ทุกวันอาทิตย์สิ้นเดือน 

ลักษณะคล้ายตลาด แต่ไม่ใช่ตลาด เพราะไม่ใช่ที่ที่คนมาขายของ 

แต่คือการแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ ทุกคนเป็นผู้บริโภคด้วยกันหมด 

คนขายของตัวเองเสร็จก็เดินซื้อของที่ตัวเองอยากได้กลับบ้านด้วย”

แนวคิดของการใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ ก็เกิดจากความคิดเรียบง่าย คือ “คิดให้สุข อยู่ให้พอ รู้จักตัวเองให้ดี” 

วิถีชีวิตแบบอินทรีย์มันอาจไม่ได้ง่ายสำหรับทุกคน แต่มันคือธรรมชาติ 

เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามองว่ามันคือธรรมชาติ เราแทบไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมันเลย 

ธรรมชาติจะสามารถดูแลตัวเอง และดูแลพื้นที่กันและกันได้

และเมื่อการพูดคุยของเราจบลง เพลง “อย่าอยู่อย่างยาก” ก็ลอยเข้ามาในหัวทันที 

ทำให้เราคิดว่าถ้าเราอยากทำอะไร ก็ไม่ต้องรอให้โอกาสมา 

ลงมือทำเลย จะผิดจะถูกก็เรียนรู้เอง 

และธรรมชาติจะสอนให้เราเรียนรู้และแก้ไขปัญหาในเวลาเดียวกัน 

บางครั้งแค่เราลองมานั่งเล่นอยู่บ้านเฉยๆนะ ยังไม่ทันต้องพอเพียงเลย 

ค่าใช้จ่ายก็ลดลงแล้ว ลองอยู่กับตัวเองและความสุขง่ายๆบ้าง

 

แค่นี้ก็สุขแล้วจริงไหม ?