“กาแฟ” หนึ่งแก้วที่ไม่ได้มีให้จดจำเพียงแค่ “รสชาติที่ติดปาก” แต่ให้ “เรื่องราวหนึ่งเรื่องที่ทำให้เราติดใจ”
“เพราะกาแฟสำหรับผม มันไม่ใช่แค่การขายกาแฟ เพราะถ้าคิดว่ามันคือการขายเราต้องได้มากกว่าลูกค้า แต่ในความรู้สึกผม ลูกค้าต้องได้อะไรมากกว่าที่เราให้ ของทุกอย่างดีนี่คือส่วนหนึ่ง แต่ถ้าสุดท้ายกาแฟมันหมดแก้วล่ะ คุณได้อะไร ผมได้อะไร ผมเลยมองว่าการชงกาแฟมันคือ “คอนเท้นต์หนึ่งเรื่อง” ที่ผมอยากให้ลูกค้า”
นี่คือคำพูดของ “นักเลงบาร์หมาป่าเมืองนนท์” หรือ คุณเอ๊ะ ชนุดม พึ่งน้อย เจ้าของร้านโฮมคาเฟ่นักเลงบาร์ ย่านนนทบุรี ที่ทำให้เราถึงกับหยุดกิจกรรมถ่ายรูปแก้วกาแฟลงโซเชียล แล้วหันมาตั้งใจฟังคอนเท้นต์ที่เขาจะเล่าไปพร้อมกับสไตล์ช้าๆที่ดูเป็นมิตรของเขาในทันที
ถ้าการสร้างคอนเท้นต์หนึ่งเรื่องตามทฤษฎีเรื่องสั้น คือ การต้องมีโครงเรื่อง ฉาก ตัวละคร และบทสรุป สิ่งที่นักเลงบาร์มอบให้กับลูกค้าทุกคนแทบไม่มีอะไรตกหล่นไปอย่างองค์ประกอบเหล่านี้เลย
“โครงเรื่อง” เริ่มต้นขึ้นจาก “ความชอบในความสุข”
การที่คนเรารู้ว่าตัวเองสามารถสุขด้วยอะไรเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก เพราะเราจะรู้ว่าเราจะเลือกสิ่งไหนเข้ามาในชีวิตของตัวเราเอง และนี่ก็คงจะเป็นตัวอย่างของคนที่รู้จัก “เลือก” ความสุขให้เป็นไปในแบบของตนเอง
ความชอบในความสุขของนักเลงบาร์ เริ่มต้นจาก “บ้าน” .. บ้าน ที่คุณเอ๊ะบอกเราทุกครั้งว่าเขาสุขที่ได้อยู่กับแม่และพี่สาว เพราะเขาคือคนติดแม่ และแม่ก็ติดลูก ความอบอุ่นถูกเติมเต็มจนอยากถ่ายทอดและกลายมาเป็นร้านกาแฟในบ้าน บวกกับคุณเอ๊ะคือคนชอบแบ่งปัน วิถีแห่ง Slow Life of Sharing จึงเกิดขึ้นค่อยๆทำทุกอย่างให้ช้าๆและเป็นไปตามเวลา ในขณะเดียวกันทุกคนก็สามารถแบ่งปันเรื่องราวระหว่างกันได้
ความชอบในความสุขลำดับต่อมาก็คือการชงกาแฟ ก่อนหน้าที่จะมาเปิดร้านนักเลงบาร์ คุณเอ๊ะเคยเป็นบาริสต้าให้ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท และระหว่างนั้นก็เรียนรู้การทำกาแฟดริปไปด้วย และการดริปนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของนักเลงบาร์แห่งนี้
“การดริปกาแฟสำหรับผมมันคือ “การสื่อสาร” ผมชอบที่จะสื่อสารกับเวลาและวิธีการชง ผมชอบความน้อยนิดที่มีคุณค่าน้อยแต่มาก เหมือนเวลาเราฟังเพลงแจ๊สอ่ะครับ เครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้นแต่มันมีทำนองและจังหวะที่ไพเราะมาก เช่นเดียวกัน การดริปกาแฟ มันใช้อุปกรณ์ไม่กี่อย่างแต่มันได้อะไรมากกว่านั้น ผมไม่คิดว่านี่คือการชงกาแฟ แต่มันคือคอนเท้นต์หนึ่งเรื่องที่ผมอยากเล่า ผมจึงต้องสร้างมันให้ดีที่สุดแก่คนฟัง ผมใช้เวลาสามนาทีในการดริป แต่ยังไม่รวมเวลาที่จะต้องเตรียมอีกสักสองสามนาที รวมเสิร์ฟอีกหน่อย ก็จะใช้เวลาต่อแก้วเกือบสิบนาที และในการดริปผมจะเทน้ำแบบเป็นขั้น เทน้ำลงทีละ 50 กรัม จนได้กาแฟที่ปริมาตร 250 กรัม ซึ่งสัดส่วนพวกนี้ก็ต้องเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม”
จากโครงเรื่องสู่การต่อเติม “ฉาก” ให้สมบูรณ์แบบ
เมื่อโครงเรื่องได้รับการปูมาในแกนความสุข ก็ได้รับการต่อเติมให้สมบูรณ์ขึ้นด้วยฉากจากความชอบ ห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งแบบน่ารักจากความชอบของคุณแม่และพี่สาว พร้อมกับบรรเลงเพลงคลาสสิกจากเครื่องเล่นเสียงแอมป์หลอด ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่า “นี่ไม่ใช่ร้านกาแฟ” แต่เป็นบ้านเพื่อนที่เติมเต็มความอบอุ่นให้เราได้ .. เพราะบ้านสำหรับคุณเอ๊ะคือโลกของเขาอย่างแท้จริง โลกของบ้านตัวเองที่ไม่ต้องเป็นเหมือนใคร ทั้งคุณเอ๊ะที่เป็นเจ้าของบ้าน และลูกค้าที่ไม่ต้องมีอัตตาวางตัวเหมือนใคร ที่นี่ทุกคนคือตัวเอง
และระหว่างเราสนทนากับคุณเอ๊ะ สิ่งที่เขาทำไปพร้อมกับพูดคุย คือการเดินไปเปลี่ยนแผ่นเสียงทุกครั้งที่เพลงจบลง และรอเวลาให้แอมป์หลอดร้อน เพื่อบรรเลงทำนองแรกของเพลงให้ดังขึ้น เพราะเขาเชื่อว่า
“ความสุขทุกอย่างเราให้เวลากับมันได้”
“ความสุขทุกอย่างเราสามารถใช้เวลากับมันได้นะครับ อย่างเราฟังแผ่นเสียง เราใช้แอมป์หลอดเปิดแล้วไม่ได้แบบเสียงดังทันที ก็ต้องรอให้ร้อนก่อน และพอมันเริ่มอุ่นๆ เสียงมันจะเพราะ มันมีขั้นของมัน เหมือนกันครับกับการชงกาแฟ เย็นไปกินไม่ได้ ร้อนไปกินไม่ดี มันต้องมีความเหมาะสมในทุกอย่าง”
และเมื่อโครงเรื่องจากความสุข ฉากจากความชอบก็ถึงเวลาเปิดเผยตัวละครจากความพอใจ
ตัวละครหลักของเรื่องนี้คงเป็น คุณเอ๊ะ และ กาแฟ ซึ่งทั้งชื่อของเขาและชื่อเมนูล้วนเกิดจากความชื่นชอบและพอใจในผลงานศิลปินดั้งเดิม โดยชื่อของเขา “นักเลงหมาป่าหมาป่าเมืองนนท์” ก็เกิดจากความชอบนักเขียน รงค์ วงษ์สวรรค์ ผู้เคยโด่งดังมากในสมัยที่มีไนต์คลับเยอะๆ เพราะเขาเชื่อว่า “นักเลง”ไม่ใช่แค่ตีรันฟันแทง แต่หมายถึงนักดื่ม ส่วนหมาป่าเมืองนนท์มาจากหนังที่ชอบมากเรื่องมือปืน ที่จะมีชื่อต่อท้ายเป็นที่อยู่ ก็เลยเป็นที่มา หม่าป่าเมืองนนท์ และพอมาต่อกันมันเลยเป็นคำคล้องจองที่ติดหู
ส่วนตัวละครดำเนินเรื่องที่สะดุดตา ก็คือ เหล่าชื่อเมนูทั้งหลายของคุณเอ๊ะ ที่ทำให้เราอยากชิมตั้งแต่ได้ยินชื่อ ทั้ง เมนู”นักเลงบาร์หมาป่าเมืองนนท์” ที่เป็นช็อตกาแฟผสมนมล้วน ไม่มีน้ำตาล หรือเมนูเสเพลบอยชาวไร่ ที่เน้นคาราเมลจากน้ำตาลมะพร้าวทำเอง หรือเมนูขวัญใจศรีประจันทร์ ซึ่งเป็นเมนูการแฟช๊อตเอสเปรสโซ่ผสมกับน้ำเสาวรและสับปะรด ซึ่งเมนูเหล่านี้ก็ล้วนมาจากความชอบในมนต์เสน่ห์ของเพลงลุกทุ่ง ที่ทุกคำร้องมีเรื่องราวและความหมาย
สุดท้าย บทสรุปของคอนเท้นต์เรื่องนี้คงไม่มีใครตอบได้นอกจากผู้มาเยือน ที่จะได้รับความรู้สึก รสชาติ และประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับใครจะมองมุมไหน
แต่สิ่งหนึ่งที่ได้คือ “ภาพของการดื่มกาแฟ” ที่ไม่ใช่แค่จ่ายเงินเพื่อซื้อรสชาติ แต่เราจ่ายเงินเพื่อซื้อประสบการณ์ของกาแฟหนึ่งแก้วที่ไม่ต่างอะไรจากมนุษย์คนหนึ่ง เพราะทุกแก้วล้วนมีการเดินทางของเวลา ผ่านเรื่องราวไปพร้อมกับความทรงจำระหว่างทางเสมอ
#NeighborsStyle #RespectYourself #Cafe #Style #Neighbors #NuglengBar