“กายสัมผัส” คือหนึ่งในประสาทสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์ ที่ไม่ใช่เป็นเพียงการส่งต่อสิ่งที่เกิดขึ้นไปยังระบบประมวลผลของสมองเพื่อแยกแยะรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นประสาทสัมผัสที่สามารถส่งต่อไปยัง “หัวใจ” ให้ประมวลผล
ออกมาเป็น…ความรู้สึก
วันนี้กายสัมผัสของเราได้ทำงานอีกครั้งกับสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่เราอาจจะตื่นกลัวเมื่อยังไม่คุ้นชิน นั่นก็คือ “ม้า”
เราเดินทางมายังสโมสรขี่ม้าแห่งหนึ่งย่านลำลูกกา คลองสอง จังหวัดปทุมธานี ที่มีชื่อว่า “Little Bit Horse Club” โดยมีคุณมาร์ค เจนวัตร ริมปิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดับเบิลฮอร์สเวิร์คส (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นหนึ่งในผู้ดูแลสโมสรแห่งนี้ ที่เป็นผู้ทำให้กายสัมผัสของเราครั้งนี้ ได้ประมวลผลออกมาเป็นความรู้สึกว่า “ม้าคือจุดเชื่อมโยงความสงบของมนุษย์โดยธรรมชาติ”
และจุดเชื่อมโยงนี้เองที่นำไปสู่การใช้ม้าเยียวยาจิตใจมนุษย์ ที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “Hippotherapy” หรือ “อาชาบำบัด” ศาสตร์แห่งธรรมชาติของมนุษย์และสัตว์ที่เชื่อมโยงกันด้วยความสัมพันธ์ที่มองไม่เห็นแต่รู้สึกได้
จุดเชื่อมโยงแรกคือ “ม้า”
เมื่อก้าวเข้ามาที่สนามขี่ม้าพร้อมกับคุณมาร์คและครูฝึก เรายอมรับว่าตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะม้าเป็นสัตว์ใหญ่ที่เราไม่คุ้นชิน แต่คุณมาร์คบอกเราว่า ในความเป็นจริงม้าคือสัตว์ที่อ่อนไหวมาก ร่างใหญ่แต่หัวใจอ่อนโยน และรับรู้ถึงความรู้สึกของมนุษย์ด้วยการส่งผ่านการสัมผัส
“ม้าเป็นสัตว์ที่เซนซิทีฟครับ ถ้าเราเกร็งเขาจะรับรู้ได้ในความไม่เป็นธรรมชาติ เขารู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ใครให้อาหาร ถ้านักกีฬาตื่นสนามเขาจะไม่กระโดดข้าม รับรู้คล้ายๆว่าเราเป็นนายเขา ความมั่นใจของเราส่งผลต่อเขา”
ดังนั้นการจะทำให้ม้าเปลี่ยนจากแค่เป็นจุดเชื่อมโยง กลายเป็นเส้นยาวที่เชื่อมเราเข้ากับเขาได้ สิ่งแรกคือต้องลดความตื่นเต้น จากนั้นค่อยเริ่มเรียนรู้เขาตั้งแต่การเรียกชื่อ ไปจนถึงเรียนรู้อวัยวะต่างๆ ตั้งแต่หัว หู จมูกและแผงม้า สัมผัสเขาอย่างเบามือเพื่อให้จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์เป็นไปอย่างนุ่มนวล และพร้อมเชื่อมโยงเป็นสิ่งเดียวกัน
สร้างรอยต่อของความสัมพันธ์ด้วย “ตัวเราเอง”
วันเวลาปัจจุบันพ้นผ่านไปอย่างรีบเร่ง ทุกสิ่งรอบตัวคล้ายจะเป็นการแข่งขัน เปรียบเทียบ จนนำไปสู่การเอาตัวรอด .. ความรู้สึกของมนุษย์ผู้ดำเนินชีวิตผ่านวันเวลาเหล่านี้ย่อมอ่อนแอลง และเริ่มมองหา “การเยียวยา”
แต่การเยียวยาใดใดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากมนุษย์ไม่ยอมที่จะสำรวจ รู้จัก และยอมรับตัวเองอย่างจริงใจทั้งร่างกายและจิตใจ
“ร่างกาย” .. สำหรับอาชาบำบัด การรู้จักร่างกายของผู้ขี่เองเป็นสิ่งที่สำคัญ ในทุกๆวันเราเห็นตัวเองในกระจกก็จริง แต่จะมีสักกี่คนที่ยอมรับร่างกายของตัวเองอย่างจริงใจ บางคนตัวเล็กแต่อยากขี่ม้าตัวใหญ่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งนั่นก็จะมาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะสำหรับที่นี่ถ้าผู้ขี่มีความสูงไม่มาก ม้าที่ใช้จะต้องมีขนาดไม่เกิน 149 เซนติเมตรนับจากแผงม้าลงมาถึงกีบม้า แต่หากฝึกจนเชี่ยวชาญแล้วถึงสามารถใช้ม้าที่ใหญ่ขึ้นได้
ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ “สงบโดยธรรมชาติ”
เมื่อ รู้เขา ไปพร้อมกับ รู้เรา ความสัมพันธ์ก็จะเริ่มต้นขึ้น ในช่วงแรกของการขี่จะเป็นไปอย่างช้าๆ ด้วยวิธีนับสเต็ปการก้าว โดยคุณมาร์คบอกว่า ช่วงเริ่มต้นการนับก้าวจะทำให้เขาใจเย็นขึ้นด้วยการประคองของครูฝึก
“ช่วงเริ่มต้นนะครับ พอเขาสัมผัสม้าจนคุ้นเคย ครูฝึกจะเริ่มพาเดินเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย จากนั้นจะค่อยๆนับก้าวของม้าครั้งละ 5-6 ก้าว แต่ครูฝึกจะประคองอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัย”
แม้การนับก้าวจะดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่นี่แหละคือบทสะท้อนของความสัมพันธ์ ในการขี่ม้าที่แท้จริง มันคือการส่งต่อความเชื่อมั่นของมนุษย์และม้า มนุษย์ไม่ได้บังคับม้า ม้าไม่ได้บังคับมนุษย์ แต่ทั้งสองสิ่งได้เชื่อมโยงต่อกันอย่างเป็นธรรมชาติด้วยความเชื่อมั่น ทุกก้าวของม้าที่เดินก็เสมือนก้าวของเรา ยิ่งก้าวมากเท่าไหร่เราก็จะอยู่กับตัวเองมากขึ้นและมากขึ้นจนเกิด “ความสงบอย่างธรรมชาติ”
มนุษย์โหยหาธรรมชาติแต่หลายครั้งเราพบว่าธรรมชาตินั้นก็ไม่จริง โหยหาความสงบแต่พบว่าความสงบนั้นไม่จริง แต่แท้ที่จริงทั้งความสงบและธรรมชาติไม่ได้อยู่ที่ปลายทางที่เราโหยหา แต่อยู่ที่ ”ตัวเราเอง”
และวันนี้เราคงต้องขอบคุณ “ม้า” ที่ทำให้ชั่วขณะหนึ่งของเรา ได้มองย้อนมาที่ตัวเอง ชั่วขณะนั้นที่ความวุ่นวายภายนอกหายไป เหลือเพียงจิตใจที่จดจ่อกับตัวเอง ปัจจุบัน ก้าวที่เดิน และสายตาที่มองไปข้างหน้า .. เราไม่รู้ว่าเราเชื่อมโยงกับม้าได้อย่างไร มันเป็นภาพที่สายตาเรามองไม่เห็น แต่เรารับรู้ได้ว่า ในช่วงเวลาแสนสั้นนั้น … การเยียวยาที่ดีที่สุดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ขอให้หาการเยียวยาของตัวเองให้เจอ แต่ถ้าไม่เจอให้ลองถามร่างกายและจิตใจของตัวเองอย่างจริงใจ แล้วคุณจะพบคำตอบว่า “ฉันเป็นใครและต้องการอะไร”